โลกก่อกําเนิดป่าไม้ แม่น้ำ มหาสมุทร ภูเขา ผืนดิน สัตว์น้อยใหญ่ และมนุษย์ ทั้งหมดนี้เรียกว่าสิ่งแวดล้อม อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือเกิดจากหนึ่งสมองสองมือของมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการและอำนวยความสะดวกสบายแก่ตนเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแล้วมีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งสิ้น เรียกว่า การพึ่งพาอาศัยกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาแต่รับมากเกินไป ฝ่ายผู้ให้อาจจะค่อยๆ สูญหายไป เปรียบเทียบกับโลกที่มีอายุขัย 4.6 ล้านปี (จากวิธีการวัดคลื่นรังสีและทางธรณีวิทยา) การคงอยู่ที่ยาวนานนี้จึงต้องแลกมาด้วยการลดน้อยถอยลงของกลไกหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นบนโลก
องชุมชน ที่ทำกินที่เพิ่มขึ้นจากการสํารวจพบว่า ในปี 2558 พื้นที่ป่าไม้ลดลงเหลือเพียง 40 ล้านตารางกิโลเมตร เทียบกับปี 2533 ที่มี 41,280,00 ตารางกิโลเมตร เท่ากับปริมาณออกซิเจนก็ลดน้อยถอยลงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
แม่น้ำจากโรงงาน บ้านเรือน และความมักง่าย ก่อให้เกิดการกระทําที่ทําลายสิ่งแวดล้อม เกิดการปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำและลำคลอง ทั้งนี้ร่างกายคนเราอาจขาดอาหารได้แต่ไม่สามารถขาดน้ำได้และไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องการใช้น้ำ สัตว์บกและสัตว์น้ำเองก็ต้องใช้น้ำในการดํารงชีวิต จึงทําให้สัตว์น้ำบางชนิดไม่สามารถทนต่อสภาพความเน่าเสียได้ ทำให้ตายเกลื่อนขึ้นมาบนผิวน้ำ
ภูเขาที่เป็นถิ่นกําเนิดของสัตว์และป่าไม้ แต่ไม่สามารถต้านทานความอยากของมนุษย์ซึ่งไม่ได้สนใจว่าการกระทําเหล่านั้นอาจส่งผลเสียในระยะยาว ต้นไม้ก็ถูกทําลาย และผลที่ตามมาคือหน้าดินจะเกิดการสไลด์ตัวถ้าไม่มีต้นไม้มาขวางกั้นทางน้ำ และอาจเกิดเป็นภัยจากธรรมชาติรุนแรงถึงชีวิต รวมไปทั้งทรัพย์สินด้วย
สัตว์ ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ตอนนี้กําลังได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก สัตว์บางชนิดกําลังลดจํานวนลงและอาจถึงขั้นสูญพันธุ์ สัตว์บกถูกรุนรานที่อยู่อาศัย และยังถูกตามฆ่าเพื่อนําชิ้นส่วนของร่างกายไปขาย สัตว์น้ำถูกจับไปทั้งที่กําลังตั้งท้องไม่มีโอกาสแม้แต่จะแพร่พันธุ์ต่อไป ซึ่งในอนาคตสัตว์น้ำบางชนิดอาจสูญหายไปภายในเวลาไม่กี่ปี
มนุษย์ จากอดีตจนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาความคิดอย่างรวดเร็ว วิทยาการต่างๆ ล้ำสมัยมากขึ้นตามกาลเวลา การทดลองเกิดขึ้นอย่างมากทั้งจากมนุษย์ด้วยกันเอง ไปจนถึงนําสัตว์มาทดลอง แต่ด้านจริยธรรมกลับน้อยลง ใช้จ่ายทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ทําให้โลกใบนี้ค่อยๆ ถดถอยลงไปทุกที ผลพวงจากการใช้อย่างไม่คิดนี้เอง ทําให้เกิดปรากฏการณ์มากมายที่กําลังค่อยๆ ทําลายโลก อย่างที่เราเห็นเด่นชัดที่สุดคือการเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming)
อยากให้ทุกคนตระหนักและรับรู้อยู่เสมอว่า การกระทําเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลวงกว้างต่อบางสิ่งบางอย่าง ทุกสิ่งสามารถตั้งอยู่และดับไปได้ โลกก็เป็นหนึ่งในนั้น การรักษาโลกไว้ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่ง ใครจะทราบว่าประกฎการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโลกเพื่อบอกบางสิ่งบางอย่างแก่เรา อย่าปล่อยให้สายเกินแก้ไข เมื่อถึงวันที่โลกร่วงโรยและดับสูญไป เมื่อถึงวันนั้นทุกสิ่งที่มีชีวิตก็จะโรยราและดับสลายหายไปเช่นเดียวกัน