“เมืองไทย เป็นเมืองพุทธ” เราได้ยินใครหลายคนพูดประโยคนี้กันจนติดปาก ติดหู แต่เมื่อมาลองคิดดูแล้ว ตั้งแต่เราลืมตาขึ้นมาจนวันสุดท้ายที่หลับตาอยู่ในโลงสี่เหลี่ยมแคบๆ ล้วนมีพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น การทำบุญเปรียบเสมือนกุศโลบายอย่างหนึ่งให้คนหันมาประพฤติในสิ่งดี ทำความดี ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบที่ดีงามตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เห็นได้ชัดเจนจากสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทุกจังหวัดในประเทศไทย ล้วนต้องมีสักหนึ่งแห่งที่เป็นการท่องเที่ยวเชิงศาสนา เข้าวัด ทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ไถ่ชีวิตโคกระบือ
ส่องศิลป์ไทบ้านฉบับนี้จึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับความงามที่หลบซ่อนอยู่ภายในถ้ำลึก สถานที่ที่เป็นแหล่งประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวนมากกว่า 5,000 องค์ ณ ถ้ำสีธน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เดิมทีตามประวัติเล่าขานกันมา ถ้ำศรีธนถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2500 โดยชาวบ้านคนหนึ่งที่อาศัยในหมู่บ้านไม่ใกล้ไม่ไกลกับถ้ำแห่งนี้ ชื่อนายสีธน มาขุดเอาขี้ค้างคาวเพื่อไปทำปุ๋ยปลูกผักและได้ขุดพบสมบัติทองคำ ภายหลังจึงกลับไปขุดเอาสมบัติอีกครั้ง จนกระทั่งถูกก้อนหินทับเสียชีวิต ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านจึงเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำสีธน”
ต่อมาได้มีการเข้าไปสำรวจภายในถ้ำพบว่า บนพื้นถ้ำทั่วไปมีมูลค้างคาว ก้อนหินปูน พบเศษภาชนะดินเผาแบบเนื้อดินธรรมดา และแบบเนื้อแกร่งอยู่บนพื้นด้านใน ซึ่งเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดามีทั้งสีส้มและสีเทา เนื้อดินค่อนข้างหยาบและมีเม็ดกรวดผสมอยู่ ผิวภาชนะมีทั้งผิวเรียบไม่ตกแต่ง และแบบตกแต่งลายทาบเชือกเส้นใหญ่ จึงมีการสันนิษฐานว่าถ้ำสีธนที่อยู่ในเขาผาน้ำลอดนั้นน่าจะมีการใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของมนุษย์อย่างน้อยสองสมัย คือ สมัยก่อนประวัติศาสตร์กับสมัยวัฒนธรรมล้านช้าง เนื่องจากได้พบเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดา แบบสมัยก่อนประวัติศาสตร์อยู่ปะปนกับเศษภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งแบบของวัฒนธรรมล้านช้าง
ศิลป์ที่ซ่อนอยู่ภายในถ้ำสีธนแห่งนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งล้ำค่า เพราะนอกจากจะเป็นถ้ำที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปกว่า 5,000 องค์แล้ว ภายในถ้ำยังมีหินประกายเพชรที่เมื่อส่องไฟไปกระทบเมื่อใดจะเห็นความระยิบระยับของหินเหล่านั้น เป็นความงามที่หลบซ่อนหลีกหนีสายตาของผู้คนมาอย่างยาวนาน แม้ว่าถ้ำสีธนแห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน แต่ความร่วมมือร่วมใจของไทบ้านแห่งโชคชัย ต.ดงมะไฟ และการดูแลจากพระสงฆ์วัดถ้ำผาลอดที่ต้องการให้มรดกล้ำค่านี้อยู่คู่กับลูกหลานไปอย่างยาวนาน จึงทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ผนวกกับแรงศรัทธา ความเชื่อในพระพุทธศาสนากลายเป็นเส้นสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงข้องเกี่ยวกัน จนไม่สามารถแยกออกจากกันระหว่างไทบ้านและถ้ำแห่งนี้ กุศโลบายของพระพุทธศาสนาถูกเอื้อนเอ่ยยามที่เราเข้าไปเที่ยวชม ทำดี ย่อมได้ดี คำอธิษฐานจะประสบผลก็ต่อเมื่อเราได้ลงมือทำ
พุทธศาสนานำพาแรงศรัทธาของผู้คนไปค้นพบกับความมหัศจรรย์มากมายของธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ ถ้ำที่มาจากแรงศรัทธา หล่อหลอมรวมกับความเชื่อ คำสั่งสอนชองพระพุทธเจ้าจะอยู่คู่กับวิถีชีวิตของไทบ้าน และอยู่คู่กับสังคมไปตราบนานเท่าที่แรงศรัทธาเหล่านั้นไม่ลดน้อยถอยลงไป
ข้อมูลจาก : www.nationtv.tv