เสียงสะท้อน...จากพานไหว้ครู

เสียงสะท้อน...จากพานไหว้ครู

บนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน เมื่อยุคสมัยผันเปลี่ยน... ความคิดของมนุษย์เพิ่มพูน พร้อมๆ กับจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มขึ้น พานไหว้ครูที่เคยเป็นเพียงการจัดเรียงดอกไม้ หญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ และดอกเข็มปักยอดด้วยธูปเทียน เป็นสัญลักษณ์ของความกตัญญูเพื่อกราบไหว้ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ ในตอนนี้กลับกลายเป็นตัวกลางของการสื่อสาร การแสดงความคิดเห็น ทัศนคติในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม เช่นเดียวกันกับพานที่มีรูปของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในพานของฝ่ายหญิง และรูปของตราชั่งในพานของฝ่ายชาย ทั้งสองพานต่างรายล้อมไปด้วยดอกไม้และใบตองสีเขียวเข้ม บนยอดพานประดับด้วยธูปและเทียนเฉกเช่นเดียวกับพานทั่วไป หากแต่สิ่งสำคัญกลับไม่ได้อยู่ที่ความสวยงามประณีตของการจัดแต่งดอกไม้และจีบใบตอง แต่กลับเป็นความหมายที่เหล่าเยาวชนต้องการจะสื่อออกมาให้ผู้พบเห็นได้ขบคิดและตรึกตรองถึงอะไรบางอย่าง
      เด็กคนหนึ่งเคยกล่าวกับผู้เขียนว่า “เด็กทุกคนมีอิสระที่จะฝัน แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น มีสิทธิ์เพียงทำได้แค่ตามกรอบที่ผู้ใหญ่ตั้งไว้ เราพูดไม่ได้ ถึงพูดได้ก็ไม่มีใครได้ยิน เมื่อเป็นดังนั้นพานไหว้ครูนี้จึงเปรียบเสมือนเสียงของพวกเรา ที่จะตะโกนบอกกล่าวในเรื่องที่เราต้องการจะบอก”
      ความคิดสร้างสรรค์ ความฝันของเด็กๆ ถูกถักทอออกมาเป็นพานไหว้ครูหลากหลายแนวคิด และในปีนี้เอง พานไหว้ครูจะสามารถตีความออกมาเป็นคำพูดแนวคิดและทัศนคติแบบไหน หากลองคิดลองเดากันดูก็คงจะไม่ยากนัก เพราะโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว สังคมที่มักจะผลัดเปลี่ยนเวียนไปเหมือนฤดูกาลที่วนบรรจบซ้ำไปมา สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่นาน คงจะมาปรากฏอยู่บนพานไหว้ครูเพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
รูปภาพ CR : @SWoomaem จากเว็บ https://campus.campus-star.com/variety/73198.html

Top