ปรากฏการณ์สำคัญที่มาพร้อมผลงานสร้างชื่อ

          ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี หรือพี่ติ๊กของแฟน" /> ปรากฏการณ์สำคัญที่มาพร้อมผลงานสร้างชื่อ

          ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี หรือพี่ติ๊กของแฟน"> ปรากฏการณ์สำคัญที่มาพร้อมผลงานสร้างชื่อ

          ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี หรือพี่ติ๊กของแฟน" /> ปรากฏการณ์สำคัญที่มาพร้อมผลงานสร้างชื่อ

          ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี หรือพี่ติ๊กของแฟน"/>

ปรากฏการณ์สำคัญกับบทบาทใหม่ที่เติมเต็มความฝัน จากก้าวแรกสู่ปัจจุบัน 'ติ๊ก เจษฎาภรณ์'

ปรากฏการณ์สำคัญกับบทบาทใหม่ที่เติมเต็มความฝัน จากก้าวแรกสู่ปัจจุบัน 'ติ๊ก เจษฎาภรณ์'

ปรากฏการณ์สำคัญที่มาพร้อมผลงานสร้างชื่อ

          ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี หรือพี่ติ๊กของแฟน ๆ แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ 2499 อันธพาลครองเมือง ของผู้กำกับ นนทรีย์ นิมิบุตร ออกฉายในปี 2540 โดยติ๊กรับบท แดง ไบเล่ย์ ซึ่งเป็นภาพจำอันโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ เนื่องจากวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเมื่อ 20 กว่าปีก่อนซบเซาเป็นอย่างมาก จึงมีหนังผลิตออกมาเพียงไม่กี่เรื่องในตอนนั้น 2499 อันธพาลครองเมืองถือว่าเป็นหนังคุณภาพที่พลิกฟื้นวงการภาพยนตร์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งยังทำเงินไปกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งมหาศาลมากในช่วงเวลานั้น ความโด่งดังของหนังได้กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญของสังคมที่ปลุกให้ผู้คนเริ่มมีศรัทธากับหนังไทยมากขึ้น

          ต่อมาในปี 2543 เป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์ สตรีเหล็ก เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยติ๊กรับบท ชัย พระเอกของเรื่องสตรีเหล็ก เป็นหนังอีกเรื่องที่ฉีกกฎเกณฑ์ของการทำหนังในช่วงเวลานั้น  ด้วยการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับกีฬาและเล่าเรื่องราวของ LGBTQA+  ซึ่งสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง สตรีเหล็กจึงเป็นภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์และจุดประกายพลังใจมากมายให้กับชาว LGBTQA+ นอกจากนี้ยังทำรายได้สูงสุดในปีที่ฉาย 98.70 ล้านบาท

จากผู้มีส่วนร่วม สู่ผู้สร้างปรากฏการณ์

          ในปี 2548 ติ๊กและตั้น (พิเชษฐ์ไชย ผลดี) ในนามบริษัทสบายดีคลับสตูดิโอได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการบันเทิง คือการเป็นโปรดิวเซอร์จัดทำรายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เนวิเกเตอร์ ออกอากาศทางช่อง 3 โดยติ๊กทำหน้าที่เป็นพิธีกรรายการ เขาต้องลุยป่าฝ่าดงเข้าไปทำรายการในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ในตอนนั้นมีทั้งเสียงชื่นชมและคำสบประมาทที่กล่าวว่าเป็นเพียงแค่การสร้างภาพเท่านั้น แต่คำสบประมาทเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับการเดินทางที่มีคุณค่าของรายการในระยะเวลา 14 ปีเต็ม ที่พิสูจน์ทุกอย่างก่อนยุติการทำรายการลงในปี 2562 นอกจากนี้ติ๊กยังเป็นวิทยากรรับเชิญบรรยายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในสถานศึกษาและองค์กรหลายแห่งมาตลอด ซึ่งรายการเนวิเกเตอร์ และตัวเขาก็ได้รับรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ ในแต่ละปีที่ผ่านมาด้วย

สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในบทบาทสุดท้าทายที่เติมเต็มความฝัน

          ติ๊ก เจษฎาภรณ์ สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในปี 2563 โดยการจับมือกับคุณต้อม จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ค่าย iAM ที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างไอดอลหญิงอย่าง BNK48 ร่วมกันสร้างโปรเจค The Brothers Thailand โดยมี อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, มาริโอ้ เมาเร่อ, นิชคุณ หรเวชกุล รวมไปถึง เจษฎาภรณ์ ผลดี (ติ๊ก) เองที่จะมาร่วมเป็นเทรนเนอร์ ฟอร์มทีมเฟ้นหา 20 สุภาพบุรุษ มาประดับวงการบันเทิง

          หลังจากนั้นไม่นานในปี 2565 ติ๊กได้ก่อตั้งค่ายเพลง BROTHERS MUSIC และเดบิวต์ PROXIE (พร็อกซี) เป็นศิลปินกลุ่มแรกของค่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 เมษายน ในปีเดียวกัน สมาชิกในวงได้รับการคัดเลือกมาจากรายการ The Brothers ออกอากาศทางช่อง 3 ในปี 2563 ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 6 คน พร้อมปล่อยซิงเกิลแรกชื่อเพลงว่า Crazy Love (รักบ้าบอ) และได้รับการตอบรับจากกลุ่มแฟนคลับเป็นอย่างดี เมื่อมองจากผลผลิตที่ผ่านมาถือว่าติ๊กประสบความสำเร็จในการเป็นผู้บริหารค่ายเพลง ซึ่งเป็นบทบาทที่ท้าทายมากเลยทีเดียว

          ย้อนกลับไปปี 2562 ติ๊กเคยให้สัมภาษณ์ที่ The Cloud ว่าตนนั้นเคยมีความฝันด้านดนตรี “สมัยมหาวิทยาลัยผมเคยทำวงดนตรีชื่อ โลกแคบ เป็นช่วงบ้าดนตรีที่สุดในชีวิต” ในตอนนั้นติ๊กเล่นในตำแหน่งมือกีตาร์ ซึ่งตนก็ให้สัมภาษณ์ต่ออีกว่า “ผมเรียนกีตาร์ตั้งแต่ ป.6 เรียน ๆ เล่น ๆ มาเรื่อย จนวันหนึ่งเจอเพื่อนสมัยอนุบาลที่ไม่ได้เจอมานานมาก แล้วมันดันเล่นกีตาร์เหมือนกัน เพื่อนเลยชวนตั้งวงดนตรี ผมเลยเริ่มเก็บเงินซื้อกีตาร์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กับทำวง”

          เพิ่มเติมในบทสัมภาษณ์จากไทยรัฐออนไลน์ปี 2563 ติ๊กพูดถึงการเสียโอกาสในด้านการแสดงว่า “เราอยากเห็นการเติบโตของวงการบันเทิงไทย ผมไม่ได้มองว่าตัวเองจะต้องดัง แต่ผมอยากให้มีการแลกเปลี่ยนกันมากกว่า ตอนนี้ก็มีนักแสดงไทยฝีมือดี ๆ ที่สามารถโกอินเตอร์ได้และทำงานได้ดีจริง ๆ ผมชื่นชมในตัวพวกเขามาก ผมเลยอยากให้น้อง ๆ The Brothers ทำแทนพี่หน่อย” ในอดีตที่เคยได้รับโอกาส สู่วันนี้ที่ติ๊ก เจษฎาภรณ์เลือกเป็นผู้มอบโอกาสและสนับสนุนความฝันของเด็กหนุ่มเหล่านี้

และบทบาทล่าสุดที่รอเป็นปรากฏการณ์

          ในปี 2565 ที่ผ่านมาติ๊กได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนกำลังมีบทบาทใหม่ นั่นคือการเป็นผู้จัดละคร เรื่องลมพัดผ่านดาว ที่สร้างจากนวนิยายสุดคลาสสิกของ ว.วินิจฉัยกุล งานนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ติ๊กได้ร่วมงานกับช่อง 7HD ในฐานะผู้จัดละคร นอกจาก ติ๊ก เจษฎาภรณ์ จะเล่นเองแล้ว ยังคว้าอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ และ เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล มาร่วมประชันฝีมือการแสดงอีกด้วย ซึ่งมีกำหนดเริ่มฉายแล้ว ในวันพุธที่ 6 กันยายนนี้ ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. 

          ถึงอย่างไรก็ตาม ผลงานที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น หากเปรียบเทียบกับการทำงานในวงการบันเทิงไทยมามากกว่า 20 ปี ปัจจุบันติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ในวัย 46 ปี ยังคงเดินหน้าสร้างผลงานที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และสร้างแรงขับเคลื่อนให้กับวงการบันเทิงไทยอยู่เสมอมา

Top