เจ้าหญิงดิสนีย์ : การต่อสู้กับกรอบของบทบาททางเพศและข้อกำหนดของสังคมอันโบราณคร่ำครึ

เจ้าหญิงดิสนีย์ : การต่อสู้กับกรอบของบทบาททางเพศและข้อกำหนดของสังคมอันโบราณคร่ำครึ

เรากำลังมองเจ้าหญิงดิสนีย์ในฐานะเด็กหญิงคนหนึ่งที่ต่อสู้กับกรอบของบทบาททางเพศ และข้อกำหนดของสังคมอันโบราณคร่ำครึบีบให้พวกเธอต้องทำอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เช่น เป็นผู้หญิงมีหน้าที่แต่งงาน เป็นผู้หญิงจะต้องเรียบร้อย บลาๆๆ 

ออกจะกะเกณฑ์เกินไปหรือเปล่า? เป็นผู้หญิงก็สามารถกล้าหาญ แข็งแกร่ง และเด็ดเดี่ยวได้ไม่ต่างจากผู้ชาย ไม่มีใครควรถูกกำหนดด้วยกรอบที่ล้าสมัยและกดขี่นี้

เจ้าหญิงดิสนีย์ทั้งหลายเลยค่อยๆ แหกขนบเดิมๆ ที่คอยตีกรอบตัวเองเอาไว้ออกมา ทำลายมายาคติในเรื่องของภาพลักษณ์อย่างเจ้าหญิงควรจะเป็น เช่น เจ้าหญิงแค่สวยพอ ไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรหรอก รอแต่งงานกับเจ้าชายแล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็จบ 

กลายเป็นว่าพวกเธอถูกค่านิยมเหล่านี้ทำให้ด้อยค่า แต่พวกเธอจะไม่ยอมถูกกดทับด้วยกรอบเหล่านั้นอีกต่อไป เมื่อพวกเธอมีความคิดว่าทุกอย่างควรมีการเปลี่ยนแปลงเสียที

Restroom พามารู้จักกับเจ้าหญิงหัวดื้อคนแรกอย่าง "เมอริดา" เรารู้จักเธอในภาพลักษณ์เด็กหญิงแก่นเซี้ยว ผมยาวหยักฟูสีส้ม เมอริดา เป็นหนึ่งในตัวละครของจักรวาลเจ้าหญิงดิสนีย์ที่แสดงให้เห็นชัด ว่าเธอไม่ยอมถูกตีด้วยกรอบอันล้าหลังอย่างการแต่งงานมีสามี ทั้งยังพิสูจน์ว่าผู้หญิงไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษเพศ จากวีรกรรมอันกล้าหาญและความแข็งแกร่ง ช่วยถอนคำสาปให้แม่และน้องชายฝาแฝดที่กลายเป็นหมี

คนต่อมา หนึ่งในเจ้าหญิงดิสนีย์อีกคนที่หัวรั้นพอๆ กันอย่าง "ฮัว มู่หลาน" ผู้มีหน้าที่แต่งงานเพื่อเชิดชูวงศ์ตระกูล มู่หลานเป็นอีกคนที่ถูกกำหนดด้วยกรอบของสังคมที่ล้าสมัย นั่นคือการเป็นแม่ศรีเรือน ต้องเป็นคน "สงบเสงี่ยม สำรวม อ่อนช้อย มีระเบียบ" ซ้ำยังถูกตีกรอบในของเรื่องเพศสภาพ อย่างการออกรบเป็นหน้าที่ของผู้ชาย พอผู้หญิงออกรบกลับเป็นเรื่องไม่สมควร

แต่วีรกรรมของมู่หลาน คือการออกจากบ้านไปรบแทนผู้เป็นพ่อที่ชรา เธอต่อสู้เยี่ยงบุรุษเพื่อปกป้องบ้านเมืองด้วยความหาญกล้าและหัวใจอันเด็ดเดี่ยว ท้ายที่สุดมู่หลานก็แสดงให้เห็นว่าหญิงชายนั้นมีความเท่าเทียม และความแข็งแกร่งได้ไม่ต่างกัน

 ขยับไปฝั่งอาหรับ อีกหนึ่งเจ้าหญิงดิสนีย์ที่มีความโดดเด่นด้านการเป็นนักปฏิวัติและนักการเมือง "จัสมิน" เป็นอีกคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานมีคู่ครองสมฐานะเพื่อบ้านเมือง ทั้งพ่อของเธอยังมีความคิดที่ว่าเจ้าหญิงควรจะอยู่เฉยๆ ไม่ควรแสดงความคิดเห็น หรือสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆ เพราะเรื่องเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของผู้ชาย โอ้! ความเท่าเทียมอยู่ที่ไหนล่ะ

จัสมินไม่คิดจะทำตามกรอบอันคร่ำครึพวกนั้น เธอมีความกล้าที่จะพูดเพราะเชื่อว่าเสียงของเธอมีความหมาย กฎเกณฑ์เก่าแก่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และไม่ควรมีใครถูกปิดปากไม่ให้พูดสิ่งที่ต่างเพียงเพราะเป็นเพศหญิงหรือเป็นเด็กหญิง

เจ้าหญิงดิสนีย์ถูกกรอบของบทบาททางเพศและขนบอันล้าสมัยกดทับเอาไว้อย่างชัดเจน แต่พวกเธอก็ค่อยๆ แหวกกฎเกณฑ์และกรอบเหล่านั้นออกมา อย่าง "เอลซ่า" และ "อันนา" ที่แสดงให้เห็นว่าสองพี่น้องกล้าหาญเพียงใดจากวีรกรรมมากมาย หรือ "เบลล์" และ "โมอานา" ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้แต่ความกลัวก็หยุดพวกเธอไม่ได้

แนวปฏิบัติหรือค่านิยมต่างๆ ที่ทำต่อๆ กันมายิ่งนานยิ่งยากจะเปลี่ยน เจ้าหญิงดิสนีย์ถูกตีด้วยกรอบมากมายที่บังคับให้เธอต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่แม้จะเป็นเด็กสาวก็สามารถกล้าที่จะทำ กล้าที่จะพูด และมีสิทธิที่จะแสดงออกได้ทั้งนั้น

เรื่อง : สุพัตรา ถาวงษ์กลาง

Top