แฟชั่นไร้เพศ

แฟชั่นไร้เพศ

แฟชั่นสร้างสรรค์ได้ ไร้เพศ ไร้ข้อจำกัดนวันที่มุมมองความคิดเห็นเรื่องเพศนั้นมีความเท่าเทียมและเปิดกว้างมากขึ้น แฟชั่นการแต่งตัวต่างๆ ก็มีมากมายหลากหลายตามมาเช่นกัน  เริ่มจากผู้คนที่ฉีกกฎการแต่งตัวเพื่อพังกำแพงการใส่เสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีคำว่าเพศเคยเป็นตัวกำหนด  

ความเท่าเทียมเมื่อนำมาพูดในด้านแฟชั่นการแต่งตัว สไตล์เสื้อผ้า และไอเทมต่างๆ ที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใส่ได้   เพราะไม่มีสิ่งที่กำหนดตายตัวว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แทนเพศใดเพศหนึ่ง เมื่อไม่มีคำจำกัดเพศว่ากระโปรงต้องอยู่บนตัวผู้หญิง เสื้อผ้าผู้ชายต้องอยู่บนตัวผู้ชาย ลิปสติกที่ซื้อมามีแต่ผู้หญิงที่ใช้ได้   หรือแม้แต่การตัดผมสั้นที่มีแต่ผู้ชายตัดได้นั้นไม่ใช่สิ่งต้องห้ามอีกต่อไป การที่ผู้คนเดินออกมาจากกรอบเดิมๆ ที่เคยถูกสังคมวางไว้ว่า ผู้หญิงต้องใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ผู้ชายต้องใส่เสื้อผ้าแบบนั้น เมื่อสิทธิเสรีของพวกเขาแต่ละคนนั้นมีเท่าเทียมกัน การที่กล้ามองว่าตัวเองแตกต่างนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย การที่สังคมเดิมตีกรอบไว้ด้วยการบอกให้ใส่แบบนั้นถึงจะถูก ใส่แบบนี้ถึงจะถูกนั้นเป็นเพียงค่านิยมแบบเดิมๆ จึงได้ถูกนำมาทบทวนใหม่ในการแสดงถึงจุดยืนของผู้คนโดยการแสดงออกถึงเสรีของการแต่งแฟชั่น 

การที่ผู้ใหญ่มองว่าการใส่เสื้อผ้าแบบนั้นแบบนี้มันไม่ควรนั้น อาจเป็นส่วนหนึ่งของการที่ทำให้แฟชั่นการแต่งตัวของเด็กถูกตัดความมั่นใจในตัวเองสูงมาก และทำให้หันกลับไปมองกรอบเดิมๆ ที่เคยทำมา การที่ผู้หญิงหรือผู้ชายสักคนออกมาแต่งตัวตามแบบที่ตัวเองต้องการเป็นเรื่องที่ไม่ควรถูกมองด้วยสายตาที่ไม่ดี หรือถูกมองว่าน่าอาย การที่แฟชั่นไร้เพศถูกมองอย่างเท่าเทียมนั้นอาจทำให้แฟชั่นต่างๆ เกิดตามมาทีหลังได้  นี่อาจทำให้กรอบความคิดแบบเดิม รสนิยมเดิม เปลี่ยนแปลงไป

คำว่าแฟชั่นไร้เพศนั้นคือการที่ผู้ใดก็สามารถใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ แต่งตัวแบบใดก็ได้ไม่จำเป็นว่าจะเป็นเพศใด เพียงแค่กล้าที่จะออกมาเป็นตัวเองโดยที่ไม่ต้องคิดมากกับการถูกมองว่าแปลก การที่กล้าออกมาเป็นตัวของตัวเอง กล้าออกมาแต่งตัวแบบที่ชอบ มีความสุขในแบบที่ตัวเองเลือกนั้น  คือคำนิยามของคำว่าแฟชั่นไร้เพศ  ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเหมือนใครแค่มั่นใจในตัวเอง 

“คนที่คิดแตกต่างเขาไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี แต่คนทีไม่ยอมให้คนอื่นคิดแตกต่างกับตนนี่สิชอบทำอะไรที่ไม่ควร”

Top