“ค่านิยมที่ตัดสินตัวตนผ่านเพลง”

“ค่านิยมที่ตัดสินตัวตนผ่านเพลง”

การที่ชอบทำบางอย่าง ดูบางสิ่ง รับฟังเรื่องราวที่หลากหลาย กลับถูกค่านิยมทางสังคมทำให้ด้อยค่าและตัดสินตัวตนของบุคคลว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพียงเพราะเลือกที่จะทำอะไรที่แตกต่าง


ความไม่เท่าเทียมนั้นแทรกซึมอยู่ทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการเพลง ที่เป็นตัวคอยสร้างสีสันและความจรรโลงใจแก่ชีวิต


มีคนให้ความหมายเพลง ไว้ว่า เป็นถ้อยคำที่นักประพันธ์เรียบเรียงหรือร้อยเรียงขึ้น ซึ่งประกอบด้วย เนื้อร้อง ทำนอง จังหวะ ทำให้เกิดความไพเราะสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้ฟัง เพลงนั้นอาจให้ข้อคิดแก่ผู้ฟังในการดำเนินชีวิตด้วยสำเนียงขับร้อง ทำนองดนตรี กระบวนวิธีรำระบำ โดยในปัจจุบันนั้นจะเห็นได้ว่ามีแนวเพลงมากมายปรากฏขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลง Pop ของภาษาสากลอย่างอังกฤษ ทำนองเพลงโอเปร่า แนวเพลง Classic เป็นต้น


รวมไปถึงท่วงทำนองของเพลงจากสัญชาติญี่ปุ่น ที่ตอนนี้มีการนำเทคโนโลยีมาสรรค์สร้างโดยการทำเสียงสังเคราะห์ขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องใช้นักร้องซึ่งเป็นมนุษย์จริงๆ มาร้องเพลง ชื่อของเหล่าเสียงสังเคราะห์นั้นคือ “Vocaloid” 


ผู้คนนั้นมักติดภาพจำวงการเพลงญี่ปุ่นว่าจะต้องเป็นเพลงที่เกี่ยวข้องการ์ตูนหรืออนิเมะ หรือไม่ก็เป็นท่วงทำนองเพลงที่หนักหน่วงอย่างดนตรี Rock จึงทำให้ผู้คนบางส่วนไม่ใคร่ที่จะให้ความสนใจและมองว่าใครที่ฟังเพลงญี่ปุ่นนั้นจะต้องเป็นพวกบ้าการ์ตูนหรือเป็นพวกเนิร์ด


ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่ฟังเพลง ‘ญี่ปุ่น’ นั้นอาจจะไม่เคยดูอนิเมะญี่ปุ่นหรือติดตามอะไรใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการการ์ตูน แต่คนเหล่านั้นอาจจะชื่นชอบดารา ชอบดูซีรีส์ หรือชื่นชอบศิลปิน เช่นเดียวกับคนชอบที่ฟังเพลงเกาหลี หมอลำ และสากล พวกเขาเหล่านั้นก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป มีทั้งความชอบความไม่ชอบเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เพราะ ‘ค่านิยมในการฟังเพลง’ กลับตัดสินคนที่ชอบฟังเพลงญี่ปุ่นตามมุมมองที่ถูกปลูกฝังมา 


คำว่า โอตาคุ ที่หลายคนยังเข้าใจผิดไปในทางความหมายไม่ดี ซึ่งความหมายจริงๆ ของโอตาคุคือ คนที่ชื่นชอบอะไรบางอย่างมากๆ เช่น โอตาคุซีรีส์เกาหลี โอตาคุเกมส์ โอตาคุหนังสือ เป็นต้น ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่เป็นคนคลั่งไคล้ในแง่ร้าย และสามารถใช้ได้ทุกวงการไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นที่เดียว

 

อีกทั้งการฟังเพลงตามความชอบส่วนตัวล้วนเป็นสิทธิส่วนบุคคลตามความสนใจของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็มีคนบางกลุ่มถูกตัดสินตัวตนผ่านเพลงที่พวกเขาชอบฟัง “พวกโอตาคุ ฟังแต่เพลงการ์ตูน” ประโยคนี้เคยปรากฏผ่านสื่อโซเชียลมากมายเพียงเพราะมีคนชอบฟังเพลง ‘ญี่ปุ่น’


‘ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชอบในสิ่งที่ตนชอบ’ การฟังเพลงถือเป็นความชอบส่วนบุคคล นั่นหมายความไปถึงไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหน เพลงประเทศอะไรหรือทำนองยังไง เพลงจะดีหรือร้าย แต่ ‘เพลงก็คือเพลง’ ไม่ควรจะนำมาตัดสินตัวตนของใครคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะว่าคนคนนั้นชอบฟังเพลงญี่ปุ่น ใช่ว่าคนคนนั้นต้องเป็น ‘โอตาคุ’ เสมอไป 


‘อย่าแบ่งแยกตัวตนของคนคนหนึ่งเพียงเพราะการฟังเพลงของเขาเลย’ ในความเป็นจริงเพลงเป็นเพียงกิจวัตรส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตเท่านั้น เราเชื่อว่า ‘เพลงไม่เคยทำร้ายใคร’ และหวังว่าทุกๆ คนจะสามารถฟังในเพลงที่ชอบได้อย่างอิสระโดยไม่กังวลกับค่านิยมที่สังคมตีตราเข้ามา เราหวังไว้แค่นั้นจริงๆ 


เรื่อง : ทัศนีย์ ตันติเศรณี
 

Top