บทบรรณาธิการ - ไวรัส โควิด-19

บทบรรณาธิการ - ไวรัส โควิด-19

หลังจาก WHO ประกาศให้เชื้อไวรัส โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ หลายประเทศทั่วโลกต่างตื่นตัวและรับมือต่อการแพร่ระบาดของไวรัสได้ทันท่วงที ในประเทศจีนถึงแม้จะเป็นจุดกำเนิดของไวรัสร้าย ก็ได้ตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก ตรวจคนเข้าเมืองและกักตัวผู้เดินทางมาต่างประเทศอย่างเคร่งครัด เกาหลีใต้ ประเทศที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ด้วยรัฐบาลที่มีความตระหนักและตื่นตัวถึงปัญหา ก็ได้พาประชาชนรอดพ้นจากภาวะวิกฤติและควบคุมสถานการณ์ได้จากการคิดค้นเครื่องตรวจสอบผู้ติดเชื้อที่สามารถตรวจหาผู้ติดเชื้อได้กว่าหมื่นคนต่อวัน และสุดท้ายประเทศที่ได้ชื่อว่าตั้งรับเชื้อไวรัสโควิดได้ดีที่สุดอย่างสิงคโปร์ ด้วยการสื่อสารที่ทางประเทศให้ความสำคัญ การอัพเดทข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อ ข้อปฏิบัติ หรือแม้แต่พื้นที่เสี่ยงให้ประชาชนทราบและหลีกเลี่ยง ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์แจ้งให้ประชาชนทราบอยู่เสมอ
      สำหรับประเทศไทย เมื่อต้นเดือนมีนาคม องค์การอนามัยโลกจัดอันดับความพร้อมของประเทศต่างๆ ในการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีประเทศจัดอยู่ใน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มระดับ 5 เป็นกลุ่มที่มีความพร้อมสูงสุด กลุ่มระดับ 1 มีความพร้อมต่ำสุด ซึ่งไทยถูกจัดอันดับความพร้อมอยู่ในกลุ่มระดับ 4 ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างมีความพร้อมในการรับมือมากพอสมควร เห็นได้จากที่รัฐบาลตัดสินใจใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งรณรงค์ด้วยแคมเปญต่างๆอย่าง อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติหรือการ work from home ของบริษัทต่างๆ การหยุดให้บริการของห้างสรรพสินค้าร้านค้าและสถานที่รวมพล ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิดตามนโยบายรัฐฯ
      แต่ในขณะเดียวกัน มาตรการในการรับมือยังคงมีช่องโหว่ในเรื่องการตรวจวินิจฉัยโรค ด้วยเงื่อนไขในการตรวจที่กำหนดอยู่เฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการ จึงจะได้รับการตรวจฟรี เงื่อนไขนี้ไม่ครอบคลุมถึงบุคคลอื่นๆ ที่หากมองตามหลักความเป็นจริง จากการระบาดของเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คนไทยทุกคนคือกลุ่มเสี่ยง ด้วยวิถีชีวิตที่ละเลยต่อการดูแลตนเอง ทั้งพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือแม้แต่การละเลยหน้ากากอนามัยอันเนื่องมาจากราคาที่แพงและขาดตลาด สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่รัฐฯ ต้องเข้ามาดูแลและบริหารจัดการให้เป็นรูปเป็นร่าง เพราะกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อไม่ได้มีอยู่แค่ในสนามมวย

Top