คอลัมน์ฮูปบ้านเฮา วัวหายค่อยล้อมคอก

คอลัมน์ฮูปบ้านเฮา วัวหายค่อยล้อมคอก

ในสถานการณ์ที่ใครต่างหวาดวิตก ผู้คนตื่นตระหนกกับโรคระบาดจนต้องเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต ทั่วโลกตอนนี้ราวกับถูกแช่แข็ง หลายสิ่งอย่างเกิดการหยุดชะงัก คำว่า “มหันตภัยร้ายแรง” อาจเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงนักหากจะใช้กับสถานการณ์โลกปัจจุบัน และถ้าคุณได้ติดตามข่าวสารในแต่ละวันอยู่บ้างคงได้คำตอบและสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น
      ใช่ เรากำลังพูดถึงโรคระบาดที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วทุกที่บนโลก ไวรัสโควิด-19 และในอีกหลายๆ ชื่ออย่าง โคโรนา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ไวรัสอู่ฮั่น หรือโรคปอดบวมอู่ฮั่น ไม่ว่าจะชื่อใดก็ตามแต่ ความร้ายแรงของเชื้อไวรัสชนิดนี้ ได้คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 1 แสนชีวิต ไม่ต้องพูดถึงยอดผู้ป่วยสะสมที่นับวันจะทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นไม่หยุด
      เราเห็นการเกิดขึ้นของเชื้อไวรัสนี้เริ่มต้นที่ประเทศจีน แพร่กระจายไปยังประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะข้ามทวีปไปถึงยุโรป อเมริกา และแน่นอนที่สุดคือแพร่ระบาดเข้ามาสู่ประเทศไทย ในสภาวะแห่งความโกลาหล เรากลับรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่ากับการรับมือโรคระบาดของรัฐบาล ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกออกมาตรการป้องกันขั้นสูงสุดหลังจากการระบาดของโรคเพียงไม่นาน แต่ประเทศที่ (เคย) ได้ชื่อว่ามีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับสองดูจะยังใจเย็นอยู่
      เพียงแค่สองสัปดาห์ ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกระโดดจากหลักสิบเป็นหลักพัน น่าตกใจเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยคนในแต่ละวันตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข หรือประเทศไทยอาจก้าวไปสู่จุดวิกฤตอันเลวร้ายอย่างที่ประเทศจีนหรือในหลายๆ ประเทศได้ประสบพบเจอมาแล้ว
      คำถามแรกคือ รัฐบาลทำอะไรอยู่? ในขณะที่มีเวลารับมือกับไวรัสร้ายนี้ ในช่วงที่มีผู้ป่วยเพียงสิบกว่าราย เรายังเห็นความนิ่งนอนใจในการทำงานของรัฐบาลได้จากการอ้าแขนรับคนเข้ามาในประเทศ มาตรการการรับมือหละหลวมจนประชาชนหวั่นใจ ในขณะที่ต่างประเทศได้ประกาศใช้มาตรการป้องกันขั้นสูงสุดทันทีที่พบผู้ติดเชื้อ       คำถามต่อมา คงเป็นการตั้งคำถามกับ
พฤติกรรมของคนในสังคม เรายังพบเห็นความชะล่าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คนบางส่วนยังไม่มีความตื่นตัวและป้องกันตัวเท่าที่ควร อย่างการเที่ยวกลางคืน หรือการสูบบุหรี่ การพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือการเดินทางกลับภูมิลำเนา ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดความสุ่มเสี่ยงและการแพร่เชื้อได้
      วัวหายแล้วล้อมคอก คำนิยามที่หยิบยกมาจากสุภาษิตไทยที่เราพอจะนึกออกสำหรับสถานการณ์ของประเทศไทยในตอนที่โรคร้ายกำลังระบาด รอให้เกิดความเสียหายขึ้นมาแล้วถึงได้หาทางออก หาวิธีการป้องกันในภายหลัง ซึ่งนับว่าไม่ทันการณ์เอาเสียเลย ตั้งแต่ความไม่รัดกุมของมาตรการต่างๆ ในการับมือโรคระบาดของรัฐบาล หรือพฤติกรรมของคนในสังคมบางส่วน ทุกอย่างดูจะไม่ทันกาลเสียแล้ว เมื่อเราดันล้อมคอกในตอนที่วัวหายไปแล้ว
      หากประเทศไทยก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่าร้ายแรงที่สุดจริงๆ มาตรการและการสื่อสารที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในสภาวะการระบาดของโรค การบอกประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ให้รับรู้ เข้าใจ ไม่ตื่นตระหนก และเตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และประชาชนเองต้องมีความตื่นตัวและเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น เราได้แต่หวังว่าประเทศไทยจะไม่เดินไปสู่จุดนั้น และรัฐบาลจะรักษาคำมั่นสัญญาที่ว่า “ประเทศต้องชนะ” ตามคำแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันท์โอชา

Top