- TH | EN
- วันพุธที่ 15 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2567
- ล็อกอิน / ลงทะเบียน
- ติดต่อสอบถาม
![[บทความ] หลอดกินได้ กับความหวังใหม่ของการเปลี่ยนแปลง](images/column/51.png)
หลอดพลาสติกกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำของเรา เนื่องจากสะดวกในการใช้ดูดน้ำจากแก้วหรือจากขวดน้ำ จนเกิดเป็นภาพคุ้นชินเมื่อเราเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซื้อโค้กสักกระป๋อง เราจะได้รับหลอดพลาสติกมา 1 ชิ้น แล้วถ้าเราซื้อกาแฟอีก 1 แก้ว นมอีก 1 กล่อง เราจะได้หลอดพลาสติกเพิ่มอีกอย่างน้อย 2-3 ชิ้นและบางทีอาจมากกว่านั้น หรือแม้แต่ร้านอาหารที่เราพบเห็นทั่วไป ก็มักจะมีหลอดพลาสติกไว้บริการฟรีพร้อมกับน้ำดื่ม ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องไม่พลาดที่จะหยิบติดมือมาเพื่อใช้ดูดน้ำในแก้วด้วย หากลองสังเกตดีๆ หลอดที่เราได้รับจากร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารต่างๆ ที่อาจพึ่งทานเสร็จไป จะเห็นว่าเราใช้หลอดเหล่านั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ และทิ้งมันลงถังขยะอย่างไม่ใยดี แต่ใครจะไปรู้ว่าหลอดพลาสติกเล็กๆ เหล่านี้ จะกลายมาเป็นปัญหาขยะซึ่งคือส่วนหนึ่งในการทำลายสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งเกิดนวัตกรรมเกี่ยวกับการผลิตหลอดกินได้ขึ้นมา ทำให้มีความหวังที่จะช่วยเยียวยาธรรมชาติได้บ้าง
บทสัมภาษณ์จากผู้จัดการออนไลน์ ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับหลอดกินได้จากการแปรรูปการเกษตรฝีมือคนไทย โดยคุณ สุรพร กัญจนาภานิช เจ้าของบริษัทกัญจนาพร (สยาม) จำกัด ผู้ผลิตผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวฮางในจังหวัดขอนแก่น ที่มีแนวคิดในการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชและข้าว เพื่อทำหลอดกินได้แทนการใช้หลอดพลาสติกที่ย่อยสลายได้ยาก ซึ่งหลอดกินได้นี้นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถรับประทานได้โดยไม่เกิดอันตรายและยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย โดยหลอดนี้สามารถแช่ในน้ำร้อนได้ 35 นาที แช่ในน้ำเย็นได้ 6- 12 ชั่วโมง และใช้เวลา 30 วันในการย่อยสลายเองตามธรรมชาติ หรือหากต้องการรับประทานจะต้องนำไปแช่น้ำจนหลอดมีลักษณะอ่อนนิ่มก็จะสามารถรับประทานได้
อีกหนึ่งทางเลือกสำคัญที่จะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเราไว้ โดยจะเห็นได้ว่าหลอดกินได้นี้ไม่ใช่ผลิตเพื่อนำมาใช้งานเพียงเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายหากเรารับประทานเข้าไป และที่สำคัญคือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด นี่คงเป็นสัญญาณที่ดีของการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นสิ่งใหม่สำหรับคนในยุคนี้ ให้ตระหนักและหันมารักษ์โลกรักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะ “ถ้าเราไม่รักษ์โลก โลกก็คงจะไม่รักเราเช่นเดียวกัน”
