เช้าที่อากาศสดใส พระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง ชีวิตช่วงปิดเทอมของหญิงสาวที่ชื่อปลายฟ้าไม่ได้มีอะไรมากมายและแป" />      เช้าที่อากาศสดใส พระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง ชีวิตช่วงปิดเทอมของหญิงสาวที่ชื่อปลายฟ้าไม่ได้มีอะไรมากมายและแป">      เช้าที่อากาศสดใส พระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง ชีวิตช่วงปิดเทอมของหญิงสาวที่ชื่อปลายฟ้าไม่ได้มีอะไรมากมายและแป" />      เช้าที่อากาศสดใส พระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง ชีวิตช่วงปิดเทอมของหญิงสาวที่ชื่อปลายฟ้าไม่ได้มีอะไรมากมายและแป"/>
อยู่ให้ถูกที่ แล้วจะมีตัวตน

อยู่ให้ถูกที่ แล้วจะมีตัวตน

     เช้าที่อากาศสดใส พระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง ชีวิตช่วงปิดเทอมของหญิงสาวที่ชื่อปลายฟ้าไม่ได้มีอะไรมากมายและแปลกใหม่ วิถีชีวิตเดิม ๆ ที่เธอเคยชินกับมันไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ ปลายฟ้าเป็นลูกชาวไร่ติดกับชาวนา พ่อแม่ของเธอมีอาชีพเกษตรกร และเหมือนดั่งทุก ๆ วันที่ผ่านมา วันนี้เองก็เช่นกันที่เธอต้องออกไปเก็บผลไม้ในสวนกับพ่อของเธอ   

     พ่อของปลายฟ้าชอบเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่า “ต้นส้มจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็น และสภาพดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำขัง เพราะจะทำให้รากเน่าได้ และต้นส้มไม่ชอบสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือหนาวจัดเกินไป ซึ่งในสภาพอากาศเย็น ๆ เช่น บริเวณภาคเหนือของประเทศไทย จะได้ผิวเปลือกส้มที่สีเข้มมากยิ่งขึ้น” 

     “แอปเปิลเป็นผลไม้เมืองหนาวที่ต้องการอากาศหนาวเย็นยาวนาน โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 60-85 องศาฟาเรนไฮต์ ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาฟาเรนไฮต์ จะเป็นอันตรายต่อระบบรากอย่างรุนแรง ดินที่เหมาะแก่การปลูกแอปเปิลควรเป็นดินร่วนปนทราย และแอปเปิลไม่ชอบดินที่มีน้ำขังบริเวณราก” 

     “เงาะเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ที่ชื่นชอบอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส ดินที่มีความเหมาะสมแก่การปลูกเงาะควรมีค่าความเป็นกรดด่างของดินที่ประมาณ 5.5-6.5 pH และที่สำคัญแหล่งที่ปลูกควรมีน้ำเพียงพอตลอดทั้งปี” 

     เธอเกิดคำถามขึ้นมาในใจทุก ๆ วัน ว่าทำไมพ่อถึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอฟัง บางวันอธิบายถึงการปลูกผลไม้ชนิดนั้น บางวันอธิบายถึงการปลูกดอกไม้ชนิดนี้ เหมือนดั่งวันนี้เอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปคือ เรื่องที่พ่อของเธอเล่าให้ฟังในวันนี้ดันเกี่ยวกับสัตว์

    “ปลายฟ้ารู้ไหมว่า ทำไมปลาถึงควรอยู่ในน้ำ เพราะปลาไม่เหมาะที่จะอยู่บนบกยังไงล่ะ ปลาน่ะ ถ้าอยู่บนบกก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าอยู่ในน้ำเมื่อไหร่ คนก็สู้ไม่ได้ เพราะเจ้าปลาสามารถหายใจด้วยเหงือก แถมมีกระดูกสันหลังด้วย ถึงไม่มีขาให้เดินไปไหนมาไหนเหมือนกับคน แต่สามารถเคลื่อนไหวไปมาด้วยครีบและกล้ามเนื้อของตัวเอง” เธอจึงเอ่ยถามพ่อของเธอด้วยความสงสัยว่า “พ่อคะ ทำไมวันนี้ถึงไม่เล่าเรื่องพืชแล้วล่ะ ทำไมวันนี้ถึงเป็นเรื่องสัตว์” พ่อของเธอจึงตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ก็เพราะพ่อเล่าไปหมดแล้วน่ะสิ” 

    หลังจากได้ยินดังนั้น เธอจึงใช้เวลาทบทวนเรื่องทั้งหมดที่พ่อคอยเล่าให้ฟัง เธอคิดอย่างลึกซึ้งในแต่ละเรื่อง จนรุ่งขึ้น… เธอเดินไปหาพ่อของเธอ และเอ่ยขึ้นว่า “พ่อคะ เรื่องที่พ่อเล่าให้หนูฟังทั้งหมดนั้น หนูเข้าใจว่าพ่อจะสอนเรื่องการอยู่ให้ถูกที่ใช่ไหมคะ แน่นอนว่าที่ของพระก็คือวัดตามความเชื่อของไทย พระไม่สามารถมานอนบ้านเป็นหลัง หรือสร้างครอบครัวได้เหมือนคนทั่วไป หรือถ้าหากเราจะปลูกผลไม้เอง เราก็ต้องดูฤดูกาลว่าเหมาะกับผลไม้ชนิดนั้น ๆ หรือไม่ เช่นเดียวกับเรื่องปลา เพราะปลาทั้งเก่งและมีความสามารถ แต่เมื่อมันอยู่บนบกอาจจะทำอะไรไม่ได้ก็จริง แต่ปลาสามารถว่ายน้ำและหายใจอยู่ในน้ำได้ มีอย่างที่ไหนใช้เหงือกหายใจ” 

     “เข้าใจคิดนะเรา” พ่อยิ้มขำให้กับความช่างพูดของลูกสาวตนเอง

     “หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูเข้าใจแล้ว ที่หนูบ่นให้พ่อฟังคราวก่อนว่า เพื่อนในกลุ่มไม่คิด ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรช่วยเลยตอนทำงานกลุ่ม ดูไม่มีชีวิตชีวาและไร้ตัวตน แต่พออยู่ในกลุ่มเพื่อนเวลาที่เขาต้องปฏิบัติกันจริง ๆ เขาและเพื่อน ๆ ของเขาทำไมถึงได้โดดเด่น พอได้มานึกดูดี ๆ อีกที เพื่อนคอยช่วยเหลือในการลงมือทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยค่ะ แต่อาจจะเป็นคนคิดไม่ค่อยเก่งเลยไม่ได้เสนอความคิดเห็นมากเท่าไร แต่เรื่องปฏิบัตินี่หายห่วงเลย” 

     ปลายฟ้านึกเสียใจ ที่ครั้งหนึ่งได้เคยหงุดหงิดที่เพื่อนไม่ให้ความร่วมมือตอนที่เธอถาม เพราะเป็นงานกลุ่ม เธอถึงได้คาดหวังมากมายว่าคนนั้นจะเป็นเช่นนี้ คนนี้จะเป็นเช่นนั้น พอเธอถามอะไรแล้วเพื่อนไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม เธอถึงได้ผิดหวังและหงุดหงิดเอามาก ๆ 

  จนตอนนี้เธอได้เข้าใจแล้วว่า ทุกคนล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ทุกคนไม่อาจจะมีตัวตนได้ตลอดเวลา เราเป็นเพียงแค่ตัวประกอบในบทชีวิตของคนอื่น คนอื่นเองก็เป็นเพียงตัวประกอบในชีวิตเราเช่นกัน ในสังคมหนึ่ง เราอาจจะไม่ใช่ อาจจะไม่มีตัวตน แต่อีกสังคมหนึ่ง เรากลับกลายเป็นคนที่มีแต่คนให้ความสนใจกับตัวเรามากมายเราเป็นจุดศูนย์กลางของเพื่อน เหมือนดั่งเรื่องความสามารถของปลาที่คุณพ่อเล่าให้ฟัง 

     และใช่ ปลาก็ต้องอยู่ในน้ำสิ ถ้าอยู่บนบกอาจจะโดนด้อยค่า แต่เมื่อไปอยู่ในน้ำ ปลานับว่ามีความสามารถมาก ๆ เลยด้วย 

     ตัวเราเองก็เหมือนกัน... 

     ถ้าหากตัวเราอยากประสบความสำเร็จ เราต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่มีแต่คนประสบความสำเร็จ เรียนรู้มันจากประสบการณ์ของคนอื่น แล้วนำมาปรับใช้กับชีวิตเราเอง   

     ถ้าหากตัวเราอยากได้เกรดดี ๆ เราต้องพาตัวเราเองไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่พากันตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนที่เอาแต่เที่ยวเล่น 

     ถ้าหากเราอยากเขียนเก่ง เราต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมของนักเขียนและนักอ่าน 

     ไม่ว่าตัวคุณเลือกที่จะทำอะไร ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความตั้งใจของตัวเอง เหมือนดั่งผลไม้ที่จะปลูกก็ต้องดูฤดูกาล 

     ไม่ต้องรีบร้อน ฉันเองก็เชื่อว่าตัวคุณจะหาทางออกให้กับตัวเองได้เช่นกัน 

     เพียงแค่อยู่ให้ถูกที่ แล้วจะมีตัวตน…

Top