ภาพยนตร์แอนิเมชันไทยในอดีตและปัจจุบัน

ภาพยนตร์แอนิเมชันไทยในอดีตและปัจจุบัน

          ภาพยนตร์แอนิเมชันมีมาอย่างยาวนาน ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป สังเกตได้จากการสอดแทรกเนื้อหาให้เข้ากับบริบทของแต่ละสังคมและความนิยมของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เพราะแอนิเมชันตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อเด็ก หรือเยาวชนเป็นส่วนใหญ่ เช่น ภาพยนตร์แอนิเมชันตะวันตก มีเรื่องอาหาร ขนมปัง แฮม สลัด หรือภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่นจะเห็นเรื่องที่อยู่อาศัยแบบชั้นเดียวเป็นไม้ไผ่ และอาหารอย่างซูชิ ราเมง หากจะกล่าวถึงภาพยนตร์แอนิเมชันที่ถ่ายทอดความเป็นไทย และถูกสร้างขึ้นมาโดยคนไทยแล้วนั้น คงขอยกภาพยนตร์แอนิเมชัน 2 เรื่องนี้ คือ ก้านกล้วย และ 9 ศาสตรา

          ภาพยนตร์แอนิเมชันไทยเรื่อง ก้านกล้วย เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสามมิติประเภทอิงประวัติศาสตร์แนวผจญภัยของไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2549 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ชิงรางวัลสุพรรณหงส์ในปีถัดมาได้ถึง 4 รางวัล ได้แก่ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และสาขาบันทึกเสียงและผสมเสียงยอดเยี่ยม ชื่อของภาพยนตร์สร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากบางส่วนของพงศาวดาร ถึงลักษณะของเจ้าพระยาปราบหงสาวดี ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จะมีหลังโค้งลาดคล้ายก้านกล้วย จึงตั้งชื่อภาพยนตร์และตัวละครเอกว่า "ก้านกล้วย"

          ส่วนภาพยนตร์แอนิเมชันไทยเรื่อง 9 ศาสตรา เป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน เนื้อหาแนวแฟนตาซีผสมผสานกับมวยไทย ซึ่งเป็นเรื่องแต่งและใช้เวลาในการสร้างถึง 4 ปีเต็ม เนื้อเรื่องนำเสนอแนวแอ็กชัน ผจญภัย แฟนตาซี ฉีกรูปแบบของแอนิเมชันสัญชาติไทยที่เคยมีมา และได้ออกฉายตรงกับสัปดาห์ วันเด็กแห่งชาติ เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

          แม้จะมีความแตกต่างด้านยุคสมัยแต่มีจุดร่วมที่คล้ายคลึงกัน ก้านกล้วยเป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์ไทย  ทั้งประวัติศาสตร์ไทย ภูมิทัศน์ พรรณไม้ วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย และบ้านทรงไทย อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทยในสมัยอยุธยา เป็นการผจญภัยออกตามหาพ่อที่ไม่เคยแม้แต่เห็นหน้า จนนำไปสู่มิตรภาพ ความรัก ความกล้าหาญ จนได้เป็นช้างศึกของพระนเรศวร เป็นการทำสงครามยุทธหัตถีเพื่อบ้านเมือง  เพราะด้วยความเป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์จึงมีบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอยู่ในเรื่อง ส่วน 9 ศาสตรา เป็นเรื่องราวการผจญภัย ฮีโร่มีชะตากรรมตอนเด็กได้รับการช่วยเหลือจากครูมวย ได้ฝึกวิชาและจับพลัดจับผลูต้องนำเอาอาวุธวิเศษไปส่งให้เจ้าครองนครสู้กับยักษ์ เนื้อหามีความเป็นสากล เมื่อนำเอกลักษณ์แบบไทยไปใส่จึงเป็นการผสมผสานที่ลงตัว เหมาะกับรูปแบบการนำเสนอที่เป็นการ์ตูน

          ทั้งสองเรื่องนี้ จะเป็นการต่อสู้กับพวกตัวร้าย กอบกู้อาณาจักรไว้ ก้านกล้วย และ 9 ศาสตรา ถูกนำเสนอเป็นภาพสามมิติเหมือนกัน แม้ว่าทั้งสองเรื่องนี้อยู่ในยุคที่ต่างกัน งานภาพที่ต่างกันแต่ในยุคที่เปลี่ยนไปนั้น ทำให้ภาพของภาพยนตร์ 9 ศาสตรา มีความคมชัดในด้านการออกแบบ เทคนิคการทำแอนิเมชันที่เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับภาพยนตร์แอนิเมชันจากต่างประเทศ และภาพยนตร์ทั้งคู่ต่างได้รับความนิยมมากเหมือนกัน โดยเฉพาะก้านกล้วยการันตีว่าเด็กส่วนใหญ่ในยุคนั้นต้องรู้จัก

          เวลาผ่านไป 12 ปี ภาพยนตร์แอนิเมชันที่โดนเด่นในเรื่องความเป็นไทยอย่าง 9 ศาสตราก็ถือกำเนิดขึ้นพร้อมได้รับความนิยมและเป็นกระแสในสื่ออยู่พักใหญ่ จากรีวิวที่เรียกเสียงฮือฮา รวมทั้งโปรดิวเซอร์ทีมสร้างคุณภาพที่ได้รับรู้ในภายหลังว่าหนึ่งในนั้นคือพ่อเหว่ง ภูศณัฎฐ์ หรือผู้ก่อตั้ง ‘เทพลีลา’ ช่องยูทูปสุดครีเอทเจนใหม่ ผลงานเรื่องนี้ก็ได้การันตีคุณภาพจากรางวัลสุพรรณหงส์ในปีถัดมา ได้แก่ สาขาบันทึกเสียงและผสมเสียงยอดเยี่ยม และสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม

          งานภาพยนตร์แอนิเมชันไทย เป็นงานภาพเคลื่อนไหว หรือภาพการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้ ทำให้ตัวการ์ตูนมีชีวิตชีวา โดยการนำภาพนิ่งหลาย ๆ ภาพมาฉายต่อเนื่องกันด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดภาพลวงตาของการเคลื่อนไหวออกมา โดยปกติความเร็วของภาพเคลื่อนไหวจะฉายด้วยความเร็วที่ต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของการแสดงผล งานแอนิเมชันจึงสามารถทำให้เกิดเอกลักษณ์ จุดเด่น ภาพจำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ตัวละครแอนิเมชัน มีเทคนิคการเล่าเรื่องได้อย่างสนุกสนาน ผ่านการทำภาพที่สวยงามดูแล้วลื่นไหลไม่มีสะดุด

          ก้านกล้วยจึงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน จากเรื่องราวในอดีตที่นำเสนอช้างไทยในประวัติศาสตร์ ส่วน 9 ศาสตรา เป็นการนำเสนอมวยไทยกับการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน ทั้งคู่แม้จะอยู่คนละยุคแต่ก็ได้มีการนำเสนอในรูปแบบที่เป็นภาพตัวการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้และดึงจุดเด่นอย่างซอฟต์พาวเวอร์ของไทยได้น่าติดตาม

          แม้จะอยู่ในคนละยุคแต่เป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์ไทยทั้งคู่ มีการพัฒนาให้ภาพสวยขึ้น สมจริงขึ้น แก่นเรื่องที่แท้จริงอยู่ที่คนสร้างที่อยากจะชูความเป็นไทย อย่างช้างไทยและมวยไทย สร้างภาพจำความเป็นไทยผ่านแอนิเมชัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าแอนิเมชันไทยเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้น่าสนใจเพียงแต่แอนิเมชันไทยที่สอดแทรกเนื้อหาและดึงความเป็นไทยได้อย่างโดดเด่นนั้น ทำให้เอกลักษณ์ความเป็นไทยได้ขยายอิทธิพลให้ผู้เข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างสร้างสรรค์ และในอนาคตเราอาจเห็นผลงานภาพยนตร์แอนิเมชันไทย โดยคนไทยมากความสามารถที่สร้างสรรค์ผลงานทั้งเทคนิคภาพและเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อขับเคลื่อนและเชิญชวนผู้คนมาเข้าร่วมวงการแอนิเมชันไทยต่อไป

 

อ้างอิง

https://vithita.com/animation101/

https://th.wikipedia.org/wiki/9_

https://th.wikipedia.org/wiki

https://www.beartai.com/lifestyle/movies/214909

https://fastwork.co/blog/animatiom-create-impactful-marketing-campaigns/

https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/MjVNwUwLX/Document/Final

Top